ต้นวาสนา
ชื่อสามัญ : Queen of Dracaenas
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dracaena Goldieana
ตระกูล : AGAVACEAE
ชื่ออื่นๆ : มังกรหยก
ลักษณะโดยทั่วไป : เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว มีลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นตรง กลม เป็นข้อถี่ มีความสูงประมาณ ๔-๑๐ เมตร ไม่มีกิ่งก้านสาขา ผิวเปลือกลำต้นมีสีน้ำตาล ใบเป็นใบเดี่ยว แตกออกจากลำต้นส่วนยอด เรียงซ้อนกันเวียนรอบลำต้นเป็นรูปวงกลม ส่วนใบมีลักษณะเป็นใบเรียว ยาว ปลายใบแหลม ออกดอกเป็นช่อตรงส่วนยอดของลำต้น
การปลูก : การปลูกมี 2 วิธีคือ
- การปลูกในแปลงเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน ควรขุดหลุมลึกประมาณ 30 x 30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ดินร่วน อัตรา 1:2 ผสมดินปลูก
- การปลูกในกระถางเพื่อประดับภายนอกอาคาร ควรใช้กระถางทรงสูงขนาด 10-18 นิ้ว เปลี่ยนกระถาง 12 ปี/ครั้ง หรือแล้วแต่ความเหมาะสมของต้นวาสนาเพราะการขยายตัวของรากที่แน่นเกินไปและเพื่อเปลี่ยนดินปลูกใหม่ทดแทนดินเดิมที่เสื่อมสภาพไป
การดูแลรักษา : ปลูกในบริเวณที่มีแสงแดด รดน้ำในปริมาณที่พอเหมาะ ดินควรเป็นดินร่วนซุย
ดินร่วนปนทราย มีความชื้นปานกลางจนถึงสูง ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในการปลูกควรใส่ปีละ 5-6 ครั้ง
การขยายพันธุ์ : วิธีที่ดีที่สุดคือการปักชำ
โรค : ต้นไม้ชนิดนี้ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรค เพราะเป็นพืชที่ทนทานต่อสภาพอากาศพอสมควร
รูปร่างลักษณะเซลล์บริเวรต่างๆ
ราก (root)
———————————————————————————————————————————————–
ชั้นนอกสุดของรากจะเป็นชั้น epidermis ทำหน้าที่ป้องกันเนื้อเยื่อที่อยู่ด้านใน ถัดมาคือชั้น cortex เป็นบริเวณที่ประกอบด้วยเซลล์หลายชนิดส่วนใหญ่เป็นพาเรงคิมามีหน้าที่สะสมน้ำและอาหาร ด้านในสุดของ cortex มักเห็นเซลล์เรียงตัวกันเป็นแถวเรียก endodermis ส่วน phloem และ xylem ทำหน้าที่ลำเลียงน้ำและสารอาหารเพื่อนำไปเลี้ยงส่วนต่างๆของพืช
ลำต้น (stem)
————————————————————————————————————————-
ในส่วนของลำต้นบริเวณด้านนอกสุดเป็นชั้น epidermis ถัดมาเป็นชั้น vascular bundles และในสุดคือ ground tissue หน้าที่ในการทำงานเหมือนกับราก
ใบ (leaves)
—————————————————————————————————————————-
Epidermis อยู่ชั้นนอกสุดประกอบด้วยเซลล์ผิว เซลล์คุมและอาจมีขน กลุ่มท่อลำเลียงอยู่ตรงบริเวณเส้นกลางใบ เส้นใบและเส้นใบย่อยจึงมีขนาดแตกต่างกันซึ่งประกอบด้วย xylem และ phloem โดยที่ล้อมรอบด้วยเยื่อหุ้มท่อลำเลียงหรือที่เรียกว่า bundle sheath
Upper epidermis
Lower epidermis